ปาริฉัตรสวรรค์
สมัยใด ปาริชาตกัลปพฤกษ์ของเหล่าเทวดาชั้นดาวดึงส์บานเต็มที่แล้ว สมัยนั้นเหล่าเทวดาชั้นดาวดึงส์ ต่างพากันดีใจเป็นหนักหนา อิ่มเอิบพรั่งพร้อมไปด้วยเบญจกามคุณ บำรุงบำเรออยู่ตลอดระยะเวลา ๔ เดือนทิพย์ ณ ควงไม้ปาริชาตกัลปพฤกษ์ ดอกปาริชาตกัลปพฤกษ์บานเต็มที่นั้น จะแผ่รัศมีไปได้ ๕๐ โยชน์ในบริเวณรอบๆ จะส่งกลิ่นไปตามลมได้ ๑๐๐ โยชน์
สู้จนกว่าจะชนะ
บัณฑิตในกาลก่อน แม้ถือกำเนิดในสัตว์เดียรัจฉาน ได้กระทำความเพียรจนได้รับบาดเจ็บเห็นปานนี้ แต่ก็ไม่ละความเพียร ส่วนเธอออกบวชในศาสนานี้ ที่จะนำออกจากทุกข์ได้ เพราะเหตุไรเล่า จึงละความเพียรเสีย
ศรัทธาพาพ้นทุกข์
บุคคลจะอายุยืนเพราะทรัพย์ก็หาไม่ จะละความแก่ไปเพราะทรัพย์ก็หาไม่ นักปราชญ์ทั้งหลายกล่าวชีวิตว่าเป็นของน้อย ไม่ยั่งยืน มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา คนพาลถูกอารมณ์ที่ไม่พอใจเบียดเบียน ย่อมอยู่เป็นทุกข์เพราะความเป็นพาล ส่วนนักปราชญ์ถูกผัสสะถูกต้องแล้วย่อมไม่หวั่นไหว ปัญญาจัดว่าประเสริฐกว่าทรัพย์ เพราะปัญญาเป็นเหตุให้บรรลุพระนิพพาน แต่คนพาลไม่ปรารถนาจะบรรลุ พากันทำความชั่วต่างๆ วนเวียนอยู่ในภพน้อยภพใหญ่เพราะความหลง ผู้ใดทำความชั่วเพราะความหลง ผู้นั้นจะต้องเวียนตายเวียนเกิด อยู่ในวัฏสงสารร่ำไป
อัครสาวก ซ้าย-ขวา
ชนเหล่าใด มีปกติรู้ในสิ่งที่ไม่เป็นสาระว่าเป็นสาระ และเห็นในสิ่งที่เป็นสาระว่าไม่เป็นสาระ ชนเหล่านั้น มีความดำริผิดเป็นอารมณ์ ย่อมไม่ประสบสิ่งที่เป็นสาระ ชนเหล่าใด รู้สิ่งที่เป็นสาระโดยความเป็นสาระ และสิ่งไม่เป็นสาระโดยความไม่เป็นสาระ ชนเหล่านั้น มีความดำริชอบเป็นอารมณ์ ย่อมประสบแต่สิ่งที่เป็นสาระแก่นสาร
ความหวังที่ควรตั้งใจ
เถาวัลย์ชื่ออาสาวดี เกิดในสวนจิตรลดาวัน พันปีจึงออกผลผลหนึ่ง เมื่อมีผลระยะไกลถึงเพียงนั้น เหล่าทวยเทพก็พากันไปเยือนมันบ่อยๆ ข้าแต่พระราชา ขอพระองค์จงทรงจำนงหวังไว้เถิด ความหวังที่มีผลเป็นเหตุให้เกิดสุข
มลทินที่ร้ายแรงที่สุด
มลทินที่ร้ายแรงที่สุด อวิชฺชา ปรมํ มลํ ความไม่รู้เป็นมลทินร้ายที่สุด (๒๓/๑๐๕)
ถ้าเรามีทุกข์ ควรทำอย่างไรดี
"ถ้าเรามีทุกข์ ควรทำอย่างไรดีค่ะพระอาจารย์" ขอเชิญรับฟังคำตอบดีๆ จากพระอาจารย์กันเลย
ส่องธรรม ล้ำภาษิต : ตกทุกข์ก็สุขได้
ทุกฺเข สุขานิ วินฺทติ คนมีปัญญา เมื่อถึงคราวตกทุกข์ ก็ยังหาสุขได้ (๒๗/๒๔๔๔)
เบื้องต้นเบื้องปลายไม่ปรากฏ
ดูก่อนภิกษุ เราตถาคตจะยกอุปมาให้เธอฟัง สมมติว่า มีภูเขาศิลาลูกใหญ่ยาว ๑ โยชน์ กว้าง ๑ โยชน์ สูง ๑ โยชน์ ไม่มีช่อง ไม่มีโพรง เป็นแท่งทึบ มีบุรุษผู้หนึ่งนำเอาผ้าขาวบางมาจากแคว้นกาสี แล้วเอาผ้านั้นลูบภูเขา ๑๐๐ ปีต่อครั้งหนึ่ง การที่ภูเขาศิลาใหญ่แท่งนั้นจะถึงความสิ้นไป เพราะความพยายามของบุรุษนั้น ยังเร็วกว่าระยะเวลาหนึ่งกัป ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอท่องเที่ยวไปมาอยู่ในวัฏสงสาร มิใช่ ๑ กัป มิใช่ ๑,๐๐๐ กัป มิใช่ ๑๐๐,๐๐๐ กัป เป็นเพราะว่า วัฏสงสารนี้กำหนดที่สุดและเบื้องต้นมิได้
แม้ทุกข์..ก็ทุกข์แบบคนมีเป้าหมาย
มนุษย์ทุกคนเกิดมาล้วนมีความทุกข์ คนจนก็ทุกข์อย่างคนจน คนรวยก็ทุกข์อย่างคนรวย คนไม่เข้าวัดก็ทุกข์อย่างคนไม่เข้าวัด คนเข้าวัดก็ทุกข์อย่างคนเข้าวัด แต่คนเข้าวัด แม้จะทุกข์ก็ทุกข์แบบคนมีเป้าหมาย เพราะเห็นหนทางแห่งการพ้นทุกข์ และมีความตั้งใจที่จะไปให้ถึง..