จุลลกเศรษฐี-ชาดกว่าด้วยความฉลาดในการสร้างฐานะ
ในสมัยพุทธกาลขณะที่องค์พระบรมศาสดาทรงสอดส่องพระพุทธญาณ ณ วัดชีวกัมพวัณ กรุงราชคฤห์เพื่อโปรดเวไนยสัตว์ผู้ตกทุกข์ดังที่ทรงบำเพ็ญอยู่เป็นนิจ พลันสายพระเนตรทรงเห็นภิกษุหนุ่มจุลลปัณฐกะที่ท้อถอยสิ้นความเพียร เนื่องด้วยมีสติปัญญาทึบ
คุณชาดก-ชาดกว่าด้วยมิตรธรรม
ครั้นหนึ่งเมื่อพระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันมหาวิหาร ราษฎรใกล้ไกลล้วนศรัทธาพระพุทธศาสนาหลั่งไหลหารมาฟังธรรมเจริญภาวนาอยู่ไม่ว่างเว้น พระเทวีทั้ง 500 นางของพระเจ้ากรุงโกศลเองก็เช่นกัน แม้จะไม่ได้ออกมานั่งฟังธรรมอย่างคนอื่นๆได้ แต่ก็ได้นิมนต์พระอานนท์ไปเทศนาธรรมที่ในวัง เมื่อพระเทวีฟังธรรมจากพระอานนท์จบแล้วก็เกิดความเลื่อมใสถวายผ้าสาดกที่ได้รับมารวมทั้งหมด 500 ผืน
กัณหชาดก ชาดกว่าด้วยผู้เอาการเอางาน
ในอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ของมคธรัตนนั้น มีความยิ่งใหญ่และสำคัญยิ่งของพุทธศาสนาควบคู่อยู่ด้วยกันหลายประการ หนึ่งในนั้นคือ พระเวฬุวณาราม ซึ่งเป็นวัดแห่งแรกของพระพุทธศาสนาก็ได้สร้างขึ้น ณ ดินแดนแห่งนี้ โอวาทปาฏิโมกข์ที่พระพุทธองค์ทรงแสดงแก่อริยสาวก 1,250 รูป และการบัญญัติพระธรรมวินัยในหลายสิกขาบท
กัณฑินาชาดก-ชาดกว่าด้วยโทษของการตกอยู่ในอำนาจสตรี
กุลบุตรตระกูลพราหมณ์ผู้หนึ่ง มีโอกาสได้ฟังธรรมในพระเวฬุวันอันเป็นอารามแรกในพระพุทธศาสนาก็ศรัทธาจนแก่กล้า ประพฤติตนอยู่ในหลักคำสอนตั้งแต่นั้น
อปัณณกธรรมชาดก-ชาดกว่าด้วยข้อปฏิบัติเพื่อป้องกันความผิดพลาด
นครสาวัตถี เนื่องด้วยอัญญเดียรถีย์เหล่านี้ล้วนเป็นคนกลับกลอก พอฟังธรรมก็เกิดศรัทธาประกาศตนเป็นพุทธมามกะ แต่พอพระพุทธศาสดาเสด็จจากไป ก็หันกลับไปนับถือลัทธิเดิมกันทั้งหมดสิ้น
อัคคิกชาดก ชาดกว่าด้วยท่านอัคคิกะ
สุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ ได้ใช้กลอุบายทำทีว่าตนเป็นผู้มีศีล เข้าไปอาศัยอยู่ร่วมกับฝูงของพวกหนู เพื่อจะหลอกกินเป็นอาหาร แต่ในที่สุดพญาหนูโพธิสัตว์ก็ล่วงรู้ในแผนการของมัน และกำจัดมันได้ในที่สุด
นฬปานชาดก ชาดกว่าด้วยการใช้ปัญญาพิจารณา
ครั้งหนึ่ง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จไปถึงหมู่บ้านนฬปาน แคว้นโกศล พร้อมด้วยพระภิกษุสามเณรจำนวนหนึ่ง พระภิกษุทั้งหลายได้ลงไปอาบน้ำในสระน้ำ เห็นต้นอ้อขึ้นอยู่มากมาย จึงให้สามเณรไปตัดมาทำกล่องเข็ม.....เมื่อสามเณรตัดต้นอ้อขึ้นมาดู ก็รู้สึกแปลกใจ เพราะต้นอ้อไม่มีปล้องเลย เป็นรูกลวงตลอด จึงพากันไปแจ้งพระภิกษุ พระภิกษุทั้งหลายจึงนำต้นอ้อไปเพื่อกราบทูลถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
กาฬยมุฏฐิชาดก ชาดกว่าด้วยโลภมาก
ในสมัยพุทธกาลเมื่อครั้งที่พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ประทับอยู่ ณ พระเชตะวันมหาวิหาร ทรงปรารภพระเจ้ากรุงโกศลแล้ว จึงตรัสพระธรรมเทศนาดังนี้ ครั้งนั้นในช่วงฤดูฝนได้เกิดการการกบฏขึ้นทางชายแดนของแคว้นโกศล
อารามทูสกชาดก ชาดกว่าด้วยความฉลาดอันไม่เป็นประโยชน์
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เดินทางเผยแผ่พระธรรมในที่ต่างๆ ครั้งหนึ่งได้เสด็จไปที่แคว้นโกศล ครั้งนั้นมีภิกษุตามเสด็จไปด้วยมากมาย เมื่อองค์ศาสดาเดินทางมาถึงแคว้นโกศล ได้มีเศรษฐีผู้หนึ่งได้นิมนต์ให้พักที่บ้านของตน
สุชาตกุมารชาดก ชาดกว่าด้วยการพรากจากสิ่งที่เป็นทุกข์
สุชาตกุมารเห็นบิดาห่วงใย ให้ข้อคิดอย่างสมคะเน แล้วก็เร่งกล่าวให้สติบิดากลับไปตามอุบาย “ท่านพ่อ วัวตัวนี้หาได้มีชีวิตแล้ว เหมือนท่านปู่ของลูกเช่นกัน แต่ยังมีศีรษะ มีปาก มีร่างกาย หู หาง ครบถ้วนอยู่ ย่อมต้องกินหญ้าที่ลูกนำมาเซ่นได้สิขอรับ ” “มันกินไม่ได้หรอกลูกเอ้ย มันตายไปแล้ว ” “ลูกเข้าใจว่ามันต้องกินหญ้านี้ได้ เพราะขนาดท่านปู่มิได้มีร่างกายเหลืออยู่แล้ว เหลือเพียงเถ้ากระดูกมนสถูป แต่ท่านพ่อยังนำดอกไม้เครื่องหอมต่าง ๆ แล้วก็อาหารคาวหวานไปร้องบอกท่านปู่ให้กินอยู่เลยขอรับ ”