ทศชาติชาดก เรื่อง พระมหาชนก ผู้ยิ่งด้วยวิริยบารมี ตอนที่ 10
เหล่าอำมาตย์และเสนาบดีผู้มีศักดิ์ใหญ่ทั้งหลาย ต่างมีความหวัง ได้้อธิษฐานว่า “ขอให้ผุสสรถจงมาจอดอยู่หน้าบ้านของเราเถิด” แต่ปุโรหิตก็ห้ามชาวพระนครไว้ ปล่อยให้ผุสสรถแล่นต่อไป โดยกล่าวว่า ถึงจะแล่นไปสิ้นร้อยโยชน์ก็อย่าให้กลับ จนกว่าจะพบผู้มีบุญบารมี
ทศชาติชาดก เรื่อง พระมหาชนก ผู้ยิ่งด้วยวิริยบารมี ตอนที่ 16
ทรงคาดการณ์ว่า นี้จะต้องเป็นเส้นพระเกศาของพระราชสวามี พระองค์ทรงปลงพระเกศาแล้วก็ทรงเปลี่ยนชุดเป็นบรรพชิต สละเครื่องราชาภรณ์วางไว้แล้วก็เสด็จลงจากพระราชวังไป ก็ทรงทราบได้ว่า “บรรพชิตรูปนั้น คงไม่ใช่พระปัจเจกพุทธเจ้าเสียแล้ว จะต้องเป็นพระราชสวามีสุดที่รักของเราอย่างแน่นอน”
ทศชาติชาดก เรื่อง พระมหาชนก ผู้ยิ่งด้วยวิริยบารมี ตอนที่ 9
พระราชธิดาทรงทราบว่า เสนาบดีนั้นมาเพื่อราชสมบัติ จึงมีพระประสงค์จะทดสอบเสนาบดีว่า จะมีปัญญาพอที่จะรองรับสิริแห่งเศวตฉัตรได้หรือไม่ จึงรับสั่งให้ท่านเสนาบดีเข้าเฝ้า
ทศชาติชาดก เรื่อง พระมหาชนก ผู้ยิ่งด้วยวิริยบารมี ตอนที่ 7
ส่วนพระมหาชนกนั้น เมื่อทรงพ้นจากรัศมีการดึงดูดของน้ำและสัตว์ร้ายได้แล้ว ก็ทรงแหวกว่ายลอยคอเหมือนกับท่อนกล้วย ที่ล่องลอยอยู่ในคลื่นมหาสมุทร ท่านได้เพียรว่ายเพื่อจะข้ามข้ามมหาสมุทรด้วยกำลังแขนอยู่ถึง ๗ วัน
ทศชาติชาดก เรื่อง พระมหาชนก ผู้ยิ่งด้วยวิริยบารมี ตอนที่ 8
พระมหาชนกตรัสว่า “ท่านพูดอะไรอย่างนั้น เราทำความพยายาม แม้จะตายก็พ้นคำครหา บุคคลเมื่อกระทำความเพียร แม้จะตายก็ได้ชื่อว่า ไม่เป็นหนี้ในระหว่างหมู่ญาติ กับทั้งบิดามารดาและเทวดา อนึ่ง บุคคลเมื่อทำกิจอย่างลูกผู้ชาย ย่อมไม่เดือดร้อนใจในภายหลัง ดูก่อนเทพธิดา บุคคลเมื่อทำความเพียร แม้จะตายก็ไม่เป็นหนี้ ย่อมไม่ถูกติเตียนในระหว่างหมู่ญาติ แม้เทวดาและพรหมก็สรรเสริญ”
ทศชาติชาดก เรื่อง พระมหาชนก ผู้ยิ่งด้วยวิริยบารมี ตอนที่ 22
ทรงยื่นคำขาดว่า “น้องหญิงสีวลีผู้เจริญ หญ้ามุงกระต่าย ซึ่งเราถอนขึ้นแล้วนี้ ไม่อาจสืบต่อกันได้อีก ฉันใด การอยู่ร่วมกันระหว่างเธอกับฉัน ก็ไม่อาจสืบต่อได้อีก ฉันนั้น เพราะฉะนั้น เธอจงอยู่ผู้เดียว ฉันก็จะอยู่ผู้เดียวเหมือนกัน”
ทศชาติชาดก เรื่อง พระมหาชนก ผู้ยิ่งด้วยวิริยบารมี ตอนที่ 18
เมื่อพระโพธิสัตว์เจ้าเสด็จออกจากพระนครไปได้ระยะ หนึ่ง ก็มีพระดำริว่า เราจะให้พระเทวีและมหาชนกลับในบัดนี้ จึงทรงหยุดพระดำเนิน แล้วหันมาตรัสถามผู้ที่ติดตามพระองค์มาว่า “ราชสมบัติในมิถิลานครเป็นของใคร” เหล่าอำมาตย์ก็กราบทูลว่า “เป็นของพระองค์ พระเจ้าข้า” “ถ้าเช่นนั้น พวกท่านจงลงราชทัณฑ์แก่ผู้ที่ข้ามรอยที่เราจะขีดนี้”
ทศชาติชาดก เรื่อง พระมหาชนก ผู้ยิ่งด้วยวิริยบารมี ตอนที่ 19
นารทดาบสต้องการให้พระโพธิสัตว์สมาทานมั่น จึงถวายข้อคิดว่า “พระองค์ เพียงแต่ทรงเพศบรรพชิตนี้ จะสำคัญว่า เราข้ามพ้นกิเลสแล้วหาได้ไม่ กรรมคือกิเลสนี้ ไม่ใช่ว่าจะพึงข้ามได้ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ เพราะยังมีอันตรายอยู่มาก”
ทศชาติชาดก เรื่อง พระมหาชนก ผู้ยิ่งด้วยวิริยบารมี ตอนที่ 3
“เมื่อก่อนข้าพระองค์ไม่เคยคิดเป็นศัตรูต่อเจ้าพี่เลย ทั้งไม่เคยแปรพักตร์คิดแย่งชิงราชสมบัติ แต่พระเจ้าพี่เชื่อฟังคำยุยงของอำมาตย์ผู้ใกล้ชิด จะสำเร็จโทษข้าพระองค์ บัดนี้ หม่อมฉันจะขอราชสมบัติหละ เจ้าพี่จะมอบราชสมบัติให้แก่หม่อมฉันหรือจะรบจงรีบตอบมา”
ทศชาติชาดก เรื่อง พระมหาชนก ผู้ยิ่งด้วยวิริยบารมี ตอนที่ 17
พระเทวีได้ทูลอ้อนวอนว่า “พระองค์ทรงละทิ้งพวกหม่อมฉัน เสด็จหนีไปแต่ผู้เดียว ทรงทำอย่างนี้ไปเพื่ออะไร พวกหม่อมฉันมีความผิดอะไรหรือ พระองค์มุ่งเสด็จไปประดุจว่าปราศจากราชสมบัติเสด็จออกผนวช”